ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา การปรับเปลี่ยนทางดิจิทัลกับการนำปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาใช้ในชีวิตประจำวันได้กลายเป็นหัวข้อที่สำคัญในประเทศไทย โดยเฉพาะยุคของการเปลี่ยนแปลงนี้ได้สร้างโอกาสที่ไม่เคยมีมาก่อนในการพัฒนาองค์ความรู้และการปรับปรุงประสิทธิภาพทั้งในระดับบุคคลและทางสังคม บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงความจริงที่ซ่อนเร้นเกี่ยวกับการใช้ AI ในการพัฒนาบุคคลและสังคมในประเทศไทย ผ่านมุมมองที่เต็มไปด้วยความหวังและเปรียบเสมือนแสงไฟในความมืดของการก้าวข้ามขีดจำกัดในยุคดิจิทัล
การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลและ AI ใน Thailand
การเติบโตของ AI ในประเทศไทย

ในยุคที่การติดต่อสื่อสารรวดเร็วและข้อมูลซับซ้อน AI ได้กลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงและสนับสนุนการทำงานในประเทศไทย โดยเฉพาะการใช้งาน ChatGPT จาก OpenAI ได้มีการเพิ่มขึ้นถึง 4 เท่าภายในปีเดียว ซึ่งสะท้อนถึงการยอมรับและความนิยมที่แพร่หลายมากขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอายุระหว่าง 18-24 ปี การใช้งาน AI ที่เพิ่มขึ้นนี้ยังสะท้อนถึงความมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับความสามารถของ AI ในการช่วยให้ชีวิตดียิ่งขึ้น เช่น การแปลภาษาหรือให้คำแนะนำที่เป็นประโยชน์ในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
ความมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับ AI
AI ไม่ได้มาแทนที่มนุษย์ แต่ให้โอกาสในการขยายศักยภาพของเราทุกคน การทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และ AI จึงเป็นสิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการทำงานและการดำเนินชีวิตในทางที่ดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการหาโอกาสใหม่ในอาชีพหรือการพัฒนาด้านการศึกษา การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่นี้อย่างชัดเจนคือรูปแบบของการทำงานที่ผสาน AI เป็นเครื่องมือหนึ่งในทีมงาน เพื่อลดความซับซ้อนและทำให้ทุกๆ วันทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โอกาสในการเติบโตของ AI
การนำ AI มาใช้ในอาชีพ
AI ได้เริ่มมีบทบาทในสาขาต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ การศึกษา หรืออุตสาหกรรม โดยการผสมผสานความสามารถของ AI มาเสริมแรงคนในกระบวนการทำงานทำให้ได้ผลลัพธ์ที่คุ้มค่า สามารถจัดการกับข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ การนำ AI มาใช้ยังเปิดโอกาสให้แรงงานมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงวิธีการทำงานในลักษณะใหม่ ขณะที่การเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้วย AI ทำให้การทำหน้าที่สามารถสอดคล้องกับความต้องการเฉพาะบุคคลได้มากขึ้น เช่น การใช้เครื่องมือ AI ในการประเมินความเสียงทางสุขภาพและเสนอวิธีการรักษา
ข้อเท็จจริงและสถิติที่น่าสนใจ
หนึ่งในคำพูดที่ถือได้ว่าเป็นแรงบันดาลใจมาโดย Jason Kwon ว่า ‘AI Alone cannot change the world. It’s a human that uses AI to change the world.’ คำพูดนี้สะท้อนถึงความจริงที่ว่า AI เป็นเพียงเครื่องมือที่ให้มนุษย์นำไปใช้ในวิธีที่สร้างสรรค์เพื่อพัฒนาสังคมและชีวิต ซึ่งศักยภาพของ AI ในประเทศไทยยังโดดเด่นเป็นพิเศษ เพราะการใช้งาน AI แลเห็นการเติบโตขึ้น 4 เท่าของผู้ใช้ในประเทศ เพียงในเวลาไม่กี่ปี แสดงให้เห็นถึงความมองโลกในแง่ดีและโอกาสการปรับตัวที่ยังมีอยู่
อนาคตของ AI ในสังคมไทย
การปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนา
AI ยังสามารถเป็นเครื่องมือสำคัญในการปฏิรูปการศึกษาในประเทศไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ จากการนำเสนอรูปแบบการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง ซึ่งจะเปิดโลกการศึกษาที่มีความยืดหยุ่นกว่าเดิม การสร้างองค์ความรู้ใหม่กลับกลายเป็นที่สนใจและสอดคล้องกับคนรุ่นใหม่ เพราะ AI เข้ามาเป็นผู้ช่วยในการทำความเข้าใจข้อมูลและนำเสนอแนวคิดที่เป็นนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศไทยก้าวข้ามขอบเขตของการศึกษาในปัจจุบันและปรับตัวเข้าสู่การเป็นสังคมที่มีความรู้ที่แข็งแรงยิ่งขึ้น ในอนาคต AI จะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกและส่งเสริมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางสังคมที่มีความสำคัญ
สรุป
AI ได้พิสูจน์ตัวเองว่าเป็นมากกว่าการพูดถึงการเปลี่ยนแปลง มันเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังที่สามารถร่วมมือกับมนุษย์ในการเพิ่มคุณค่าในหลากหลายด้าน บทบาทของ AI ในการพัฒนาและการปรับปรุงชีวิตในประเทศไทยสร้างความหวังใหม่ในหลายมิติ เช่น การศึกษา การทำงาน และแม้กระทั่งการใช้ชีวิตประจำวัน การผสมผสานระหว่างมนุษย์และ AI ย่อมจะนำมาซึ่งอนาคตที่สดใสและแข็งแกร่งแก่สังคมไทย
สำหรับผู้ที่สนใจต่อในหัวข้อ เรื่องนี้สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่ Techsauce
แหล่งอ้างอิง: “บทความเกี่ยวกับการใช้ AI ในประเทศไทย โดย Jason Kwon จาก OpenAI